WELCOME

ยินดีต้อนรับ สู่ KhunPlaiR







วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

10 ข้อผิดพลาด ในการออกกำลังกาย

ข้อผิดพลาด 10 ประการ ที่มักจะเกิดขึ้นระหว่างการออกกำลังกาย บางข้ออาจส่งผลกระทบเพียงประสิทธิภาพของการออกกำลังกาย แต่ในบางข้อ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บได้ ข้อผิดพลาดดังกล่าว ได้แก่
1. ไม่ยืดกล้ามเนื้อให้เพียงพอ
ยืดกล้ามเนื้อทันทีหลังการออกกำลังกายแบบแอโรบิค การยืดกล้ามเนื้อขณะที่กล้ามเนื้อยังอบอุ่นและยืดหยุ่น จะช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บ
2. ใช้น้ำหนักมากเกินไปขณะยกน้ำหนัก
อย่าพยายามยกน้ำหนักมากเกินกว่าขีดความสามารถของกล้ามเนื้อ การยกน้ำหนักอย่างค่อยเป็นค่อยไปมีประโยชน์และปลอดภัยมากกว่ากับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
3ไม่อบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย
กล้ามเนื้อต้องมีการปรับตัวก่อนออกกำลังกาย จึงควรเริ่มออกกำลังกายช้า ๆ แล้วเพิ่มความหนักเมื่อร่างกายปรับตัวแล้ว
4. ไม่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย

หลังการออกกำลังกายทุกชนิด ใช้เวลา 2 – 3 นาทีในการลดอัตราการเต้นของหัวใจและยืดกล้ามเนื้อ เพื่อเสริมความยืดหยุ่นและเป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการออกกำลังกายอื่น ๆ
5. ออกกำลังกายหนักเกินไป
การออกกำลังกายในระดับปานกลาง โดยใช้เวลาออกกำลังกายนาน มีประสิทธิภาพมากกว่าการออกกำลังกายอย่างหนัก โดยใช้ระยะเวลาเพียง 2 – 3 นาที
6. ดื่มน้ำน้อยเกินไป
อย่ารอจนกระหายน้ำจึงดื่มน้ำ เพราะหมายความว่าขณะนั้นร่างกายเริ่มเข้าสู่ภาวะขาดน้ำ พกกระติกน้ำติดตัวตลอดเวลาที่ออกกำลังกายและตลอดวัน
7. ทิ้งน้ำหนักบนเครื่อง Stairstepper มากเกินไป
การทิ้งน้ำหนักลงบนเครื่อง Stairstepper อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ข้อมือและหลัง ลดความหนักของเครื่องจนถึงระดับที่คุณสามารถรักษาท่าทางได้ดี และสามารถวางมือบนที่พักมือได้โดยไม่ทิ้งน้ำหนัก
8. ออกกำลังกายเบาเกินไป
ควรออกกำลังกายในระดับที่หนักพอให้เหงื่อออก และอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในอัตราที่เหมาะสมกับเป้าหมายของการออกกำลังกาย
9. ใช้แรงสะบัดเพื่อยกน้ำหนัก
ในขณะที่คุณออกแรงสะบัดเพื่อยกน้ำหนัก กล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ จะกระตุกไปด้วย และอาจทำให้กล้ามเนื้อตึง หรือบาดเจ็บได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อหลังเป็นส่วนที่เปราะบางมาก ควบคุมน้ำหนักที่ยก อย่าให้น้ำหนักควบคุมคุณ!
10. ทาน Energy bar หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ เมื่อออกกำลังกายในระดับปานกลาง
หากคุณไม่ได้ออกกำลังกายนานกว่า 2 ชั่วโมสูง)ง ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทานอาหารเสริมหรือเครื่องดื่มพลังงานสูง (พลังงานสูงเป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของแคลอรี่

ทำอย่างไรให้หาย..เมื่อเป็นตะคริว


ตะคริวเป็นอาการหดตัวของกร้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว มักเกิดที่น่องและต้นขา เมื่อคลำที่กล้ามเนื้อบริเวณที่บวดจะรู้สึกเป็นก้อนแข็งแต่จะบรรเทาปวดลงเมื่อเหยียดขาและนวดเบา ๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว หรือทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นดีขึ้น

ตะคริวเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น คุณอาจออกกำลังกายมากเกินไป โดยที่กล้ามเนื้อไม่เคยได้รับการฝึกฝนมาก่อนหรือเกิดจากการไหลเวียนของหลอดเลือดไม่สะดวก เนื่องจากท่านั่งหรือยืนที่ทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่สะดวก หรือในผู้สูงอายุที่มีภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว

นอกจากนี้ยามอาการเย็นก็อาจทำให้เป็นตะคริวได้ และในรายที่ขาดแคลเซียมต่ำในเลือดหรือร่างกายที่มีการสูญเสียเกลือแร่ในร่างกายอย่างมากในขณะท้องเสีย อาเจียน หรือเหงื่อออกมาก ๆ

เมื่อคุณเป็นตะคริว คุณจะรู้สึกเจ็บปวดบริเวณกล้ามเนื้ออย่างมาก การปฐมพยาบาลจะช่วยบรรเทาลงได้

ถ้าเป็นตะคริวที่น่อง ..ให้เหยียดขาข้างที่เป็นตะคริวให้ตรง ใช้มือข้าวหนึ่งยกประคองส้นเท้าและใช้มืออีกข้างค่อย ๆ ดันปลายเท้าขึ้นลงให้เต็มที่อย่างช้า ๆ ประมาณ 5 นาที แล้วนวดเบา ๆ ที่น่อง หรืออาจทาครีมหรือน้ำมันเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในบริเวณนั้นไม่ควรนวดแรง ๆ เนื่องจากอาจทำให้กล้ามเนื้อเจ็บได้และอาจเป็นตะคริวซ้ำได้อีก


ถ้าเป็นตะคริวที่ต้นขา.. ให้เหยียดขาข้างที่เป็นตะคริวให้ตรง ใช้มือข้างหนึ่งยกประคองส้นเท้า อีกข้างหนึ่งกดลงบนหัวเข่าจากนั้นค่อย ๆ นวดบริเวณที่เป็นตะคริวเบา ๆ

ถ้าเป็นตะคริวที่นิ้วเท้า.. ให้เหยียดนิ้วเท้าให้ตรง และลุกขึ้นยืนเข่ยงเท้า จากนั้นค่อย ๆ นวดบริเวณนิ้วเท้าเบา ๆ

ถ้าเป็นตะคริวที่นิ้วมือ.. ให้เหยียดนิ้วมือออกและค่อย ๆ นวด บริเวณนิ้วมือเบา ๆ สำหรับคนที่เป็นตะคริวบ่อย ๆ ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เวลานอนให้ยกขาสูง โดยใช้หมอนรองขา แต่ถ้าเป็น ๆ หาย ๆ บ่อยครั้งควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุแห่งการผิดปกติในระบบไหลเวียนของเลือด

แปลกแต่จริง...ลดกินเนื้อวัวช่วยลดภาวะโลกร้อนได้


วารสารการแพทย์"แลนเซ็ต"ของอังกฤษรายงานผลการศึกษาหนึ่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ระบุว่า การบริโภคเนื้อวัวลดลงจะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ เพราะการลดจำนวนวัวจะช่วยลดปริมาณก๊าซมีเธนที่มันปล่อยออกมา ซึ่งก๊าซนี้อยู่ในกลุ่มก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อน

รายงานชิ้นนี้ซึ่งจัดทำโดยคณะวิจัยนำโดยนายแอนโธนี แมคไมเคิล ศาสตราจารย์ของศูนย์ระบาดวิทยาและสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ระบุว่า หากทั่วโลกลดการรับประทานเนื้อวัวเฉลี่ยวันละ 100 กรัมต่อคนต่อวัน ซึ่งในประเทศร่ำรวยอาจลดมากกว่าถึง 200-250 กรัม และประเทศยากจน ลดลง 20-25 กรัมจะช่วยให้โลกลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 90 กรัมต่อวันภายในปี 2593 และหากประชากรในชาติร่ำรวยจำกัดการรับประทานแฮมเบอร์เกอร์เหลือเพียง 1 ชิ้นต่อวันต่อคนจะช่วยลดการบริโภคเนื้อวัวทั่วโลกได้ถึง 10% ในปี 2593

ผลการศึกษายังพบว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 22% จากทั้งหมดทั่วโลกมาจากเกษตรกรรม ซึ่งเท่ากับจำนวนก๊าซที่ปล่อยจากอุตสาหกรรม แต่มากกว่าก๊าซที่ปล่อยจากการคมนาคม และการผลิตในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งส่วนใหญ่คือก๊าซมีเธน คิดเป็นเกือบ 80% ของภาคการเกษตรทั้งหมด

เมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งมีรายงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียที่เชื่อว่าฝูงปศุสัตว์ในออสเตรเลีย เป็นปัจจัยสำคัญที่ปล่อยก๊าซมีเธนขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ตอนที่มันเรอออกมา และผลผลิตเนื้อ 1 กิโลกรัม อาจจะมาพร้อมกับก๊าซมีเธน 1 กิโลกรัมที่วัวปล่อยออกมา
สาเหตุที่ทำให้วัวปล่อยก๊าซมีเธนออกมา เป็นเพราะสภาพอากาศแห้งแล้งทำให้อาหารของวัวไม่มีคุณภาพ อาหารหลายส่วนจึงไม่ถูกย่อยในท้องอย่างที่ควรจะเป็น และแบคทีเรียในลำไล้ก็จะย่อยเศษอาหารเหล่านั้นแทนก่อให้เกิดก๊าซมีเธน

วิธีล้างองุ่นให้ปลอดภัย

วิธีล้างองุ่นให้ปลอดภัย
เชื่อว่าเราๆ ท่านๆ คงเคยทานองุ่น ปกติมักจะมีคราบ เหมือนยาง เป็นฝ้าขาวๆ ที่ ผลองุ่น ล้างยังไงก็ไม่ออก ใช่มั้ยคะ บางครั้งก็ถือว่านานๆ ทานที ก็เลยตามเลย ซึ่งก็ไม่ ค่อยมั่นใจเรื่องความปลอดภัยเท่าไหร่นัก เพราะไม่รู้ว่าไอ้คราบๆ ที่ติดผลองุ่นอยู่มันคือ สารอะไรตกค้างรึเปล่า...เท้าความซะยืดยาว แค่จะบอกว่าตอนนี้รู้วิธีล้างองุ่นให้ สะอาด มั่นใจ ที่จะรับประทานแล้วล่ะ
1. เด็ดผลองุ่นออกจากพวงเพื่อจะได้ง่ายในการล้าง
2. ใส่ภาชนะ
3. บีบยาสีฟัน (อะไรก็ได้) พอสมควร แล้วขยี้ให้ทั่วมือ
4. ใส่น้ำพอสมควร แล้วลงมือล้าง
5. ล้างด้วยน้ำเปล่าแล้วสะเด็ดน้ำ

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

10 กิจกรรมที่ทำให้ชีวิตยืนยาว


เรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน ที่ใครหลายๆ คน อาจคิดไม่ถึง หรือไม่ให้ความสำคัญกับมัน แต่จริง ๆ แล้ว กิจกรรมเหล่านี้กลับทำให้ชีวิตของเรายืนยาวขึ้น
จะมีอะไรบ้าง ลองไปติดตามกันเลยค่ะ

1. รับประทานอาหารเช้าทุกวัน
เพราะอาหารมื้อนี้แหล่ะ ที่ช่วยให้เรามีพลังงานสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน

2. นอนหลับให้สนิท
อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรงขึ้น เซลล์ร่างกายสร้างตัวได้ดี สมองสดใส และหน้าตาสดใสอีกด้วย

3. ออกกำลังกายเป็นประจำ
อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20 นาที จะทำให้หัวใจทำงานได้ดี เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ และลดอาการกระดูกพรุนเมื่อเข้าสู่วัยทองได้อีกด้วย

4. หัวเราะ
เพราะเมื่อเราหัวเราะ ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุข หรือ เอนโดรฟินออกมา ทำให้ลดความเครียดและหน้าตาสดใสอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

5. ทานน้ำมันตับปลา
หรืออาจทานปลาที่มีไขมันสัก 3 มื้อต่อสัปดาห์ อย่างเช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน เพราะในน้ำมันตับปลาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ช่วยลดโคเรสเตอรอล ทำให้เราไม่อ้วนได้อีกด้วย

6. ทำสมาธิ
จะช่วยลดความเครียด ลดความดันเลือด และยังช่วยให้ออกซิเจนเข้าปอดได้อย่าง
เต็มที่ ในเวลาที่เรากำหนดลมหายใจ

7. แปรงฟันและขัดฟันทุกวัน
จะช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก ทำให้สุขภาพดีขึ้น แถมบุคลิกดีขึ้นอีกต่างหาก

8. ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
อย่างเช่น ผัก ผลไม้ ต่าง ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ด้วย

9.ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันละ 1 แก้ว
อย่างเช่น ไวน์แดง หรือไวน์ผลไม้ เพื่อกระตุ้นหัวใจให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้น (แต่อย่าดื่มมากไปนะ เพราะจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพมากกว่า)

10. ดื่มชา
จะช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร และลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ด้วย

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

ชาร้อนยับยั้งอัลไซเมอร์

ข่าวดีสำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ทุกท่าน ที่ต่อไปไม่ต้องทานยาเยอะๆ อีกต่อไปแล้ว
เพราะแค่คุณดื่มชาวันละแก้ว ก็สามารถยับยั้งการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้

ดร. เอ็ด โอเคลโล่ แห่งศูนย์วิจัยสมุนไพร มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ทางตะวันออก
เฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ ได้รายงานผลการวิจัยว่า การที่คุณดื่มชาเขียว
หรือชาดำวันละ 1 ถ้วยทุกวัน สามารถยับยั้งการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ เพราะ
ในชาเขียว และชาดำ มีสารที่ช่วยยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ที่ก่อให้เกิด
โรคอัลไซเมอร์
นอกจากนี้การดื่มชาเขียวยังสามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยาเบต้า-
ซีเครเทส (Beta-secretase) ที่เป็นขั้นตอนในการผลิตตะกอนโปรตีนในสมอง
อันเป็นสาเหตุของการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ แต่คุณจะต้องดื่มชาเขียวอย่างน้อย
1 อาทิตย์ถึงจะเห็นผลดี แต่หากคุณดื่มชาดำเพียงแค่ 1 วันคุณก็สามารถเห็นผล
ได้เร็วกว่าการดื่มชาเขียวหลายเท่า

ถึงแม้ว่าแพทย์จะไม่สามารถรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายได้ แต่จากการวิจัยเรื่อง
การดื่มชา ก็สามารถยับยั้งและลดภาวะเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ ราคาถูก
ผลข้างเคียงก็ไม่เกิด "ดื่มชาย่อมดีกว่าการรับประทานยานะคะ"

ทานฟาสต์ฟู้ดบ่อยเกินไป อาจทำให้คะแนนสอบต่ำลง

การทานอาหารฟาสต์ฟู้ดมากเกินไปไม่เพียงแค่ทำให้น้ำหนักตัวมากเกินไปเสียแล้ว
แต่ยังทำให้ผลคะแนนสอบต่ำลงด้วย จากงานวิจัยของคณะนักวิจัยมหาวิทยาลัย
แวนเดอบิลท์ ที่รัฐเทนเนสซี ที่ทำการศึกษากับนักเรียนชั้นประถมศึกษาจำนวน
5,500 คน โดยการติดตามพฤติกรรมการกินของเด็กนักเรียน อายุ 10-11 ขวบ
แล้วเปรียบเทียบกับผลการทดสอบวิชาการอ่าน และวิชาคณิตศาสตร์

ในภาพรวมเด็กนักเรียนจะทำคะแนนในการทดสอบได้ระหว่าง 58-181 คะแนน
ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 141.5 คะแนน เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับจำนวนครั้งที่ทานฟาสต์ฟู้ด
พบว่า นักเรียนเกินกว่าครึ่งที่ทานฟาสต์ฟู้ดมากกว่า 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์ก่อนสอบ
ได้คะแนนสอบต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ดังนี้

คนที่ทาน 4-6 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำคะแนนสอบได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 7 คะแนน, คนที่ทาน 1 ครั้งต่อวัน ทำคะแนนสอบได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 16 คะแนน และคนที่ทาน
3 ครั้งต่อวัน ทำคะแนนสอบต่ำลงถึง 19 คะแนน จากงานวิจัยครั้งนี้จึงสรุปได้ว่า
การทานฟาสต์ฟู้ดที่บ่อยมากขึ้นนั้น มีความสัมพันธ์กับการที่คะแนนสอบต่ำลง

แม้ว่างานวิจัยนี้จะไม่ได้วิจัยถึงผลกระทบต่อสมองโดยตรง เพียงแต่วัดจากคะแนน
ทำสอบ และความบ่อยในการทานฟาสต์ฟู้ดเท่านั้น แต่เพื่อความไม่ประมาท
ควรทานอาหารที่มีคุณค่าในแต่ละวันให้ได้สารอาหารครบ 5 หมู่ เพื่อประโยชน์
สูงสุดต่อระบบการทำงานของร่างกาย

ผักจำพวกกะหล่ำทานนึ่งดีกว่าต้ม

นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวอร์วิค ประเทศอังกฤษ พบว่า
การต้มผักอย่างบร๊อคโคลี่ กะหล่ำปม กะหล่ำดอก จะทำให้สารที่เป็นคุณประโยชน์
ในการต่อต้านโรคมะเร็งลดลงถึง 75%

จากผลการวิจัยก่อนหน้านี้ทำให้ทราบว่า ผักเหล่านี้มีสาร "กลูโคซิโนเลตส์"
(Glucosinolates) ที่มีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้
กระเพาะปัสสาวะ และปอดลงได้ถึง 60%
แต่ไม่เคยทราบว่า การเก็บรักษา
และการหุงต้ม จะทำให้มันเสียหายลงหรือไม่

หัวหน้านักวิจัย ปอล เจ ทอมมอลเลย์ แห่งโรงเรียนแพทย์วอร์วิค กล่าวว่า
เพื่อเป็นการรักษาสารตัวนี้ไว้ คุณควรนึ่งผักประมาณ 20 นาทีเท่านั้น
เพื่อรักษาคุณค่าทางสารอาหารเอาไว้ และรักษาคุณค่าในการป้องกันโรคมะเร็ง
ไว้ได้ถึง 80%


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับครีมกันแดด

อากาศร้อน และแดดแรง อย่างประเทศไทย ครีมกันแดดจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น
สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพผิว เมื่อต้องเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับตัวเอง
มองดูฉลากข้างกล่องแล้วก็มีศัพท์ที่น่าสนใจ ให้เราต้องเลือกดังนี้

1. "SPF" ย่อมาจาก Sun Protection Factor เป็นค่าในการชี้วัดว่าเราสามารถ
อยู่กลางแสงแดดได้นานแค่ไหน โดยที่ไม่รู้สึกร้อนหรือแสบบริเวณผิว เช่น
ถ้าเรามีผิวที่แพ้แสงแดดและแสบร้อนง่ายในเวลา 20 นาที ครีมกันแดดที่มี SPF 15
จะช่วยปกป้องเราจากแสงแดดได้นาน 15 เท่า และเมื่ออยู่กลางแดดมากๆ ควรเลือก
ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงขึ้น

2. "Waterproof" แม้จะเขียนว่า Waterproof (กันน้ำ) แต่ก็ไม่สามารถกันน้ำได้ 100% ดังนั้น เพื่อให้ได้ผลต้องทาครีมกันแดดอย่างต่อเนื่อง โดยทาซ้ำทุกครั้งที่เหงื่อออก หรือทุกครั้งในช่วงพักว่ายน้ำ

3. "UVA และ UVB" ถ้าเขียนไว้ว่า.. มี UVA หมายถึง ครีมกันแดดนั้น มีคุณสมบัติ ป้องกันกระ ฝ้า และป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย แต่ถ้าเขียนไว้ว่า..
มี UVB หมายถึง ครีมกันแดดนั้นมีคุณสมบัติ ป้องกันอาการแพ้ แดง แสบ
และไหม้ของผิวหนัง

หวังว่า..จะเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับตัวเองได้ดีขึ้น
ส่วนเทคนิคในการใช้งานครีมกันแดดที่ต้องจำไว้ให้แม่นๆ
ก็คือ ครีมกันแดด ไม่สามารถป้องกันแสงแดดได้ 100%
ดังนั้น เมื่อต้องออกแดด เช่น เล่นกีฬากลางแจ้ง
ควร สวมแว่นกันแดด หรือหมวกกันแดดจะป้องกันได้มากขึ้น ส่วนการทาผิวควรเกลี่ยครีมให้เรียบเสมอ และทาให้ทั่วบริเวณที่ต้องการปกป้องจากแดด
เพื่อป้องกันผิวด่างดำเฉพาะที่ และเลิกใช้ทันที
ถ้ามีอาการแพ้ มีผื่นแดง และคัน

การใช้สายตาอย่างถูกต้องและเหมาะสม

นอกจากรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพียงอย่างเดียว คงไม่เพียงพอสำหรับการดูแล
ดวงตาของคุณให้สวยใสอยู่เสมอ แต่คุณต้องใส่ใจและถนอมดวงตาของคุณไว้
เพื่อให้อยู่กับคุณไปนานๆ โดยการใช้สายตาอย่างถูกต้องและเหมาะสม ดังนี้

อ่านหนังสือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ และถือหนังสือห่างจากดวงตา
ประมาณ 1 ฟุต ไม่ควรอ่านหนังสือเป็นเวลาติดต่อกันนานๆ
ควรพักสายตาประมาณ 30-45 นาที เมื่อคุณรู้สึกปวดเมื่อยตา
ดูโทรทัศน์ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ และควรนั่งห่างจากจอโทรทัศน์
ประมาณ 5 เท่าของขนาดโทรทัศน์
ไม่ควรจ้องมองพระอาทิตย์เป็นเวลานานๆ
ควรสวมแว่นตาทุกครั้งที่ต้องออกไปสัมผัสกับแสงแดด หรือขับขี่รถยนตร์
หลีกเลี่ยงการมองหรือจ้องคลื่นแม่เหล็กจากเครื่องใช้ไฟฟ้า ช่น
เตาไมโครเวฟ เครื่องถ่ายเอกสาร ฯลฯ
เวลาที่เศษผงเข้าตา ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด แต่ให้คุณล้างตาด้วยน้ำสะอาด
หรือหยอดน้ำยาล้างตาแทน
ทุกครั้งที่ลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำ ควรสวมใส่แว่นตาว่ายน้ำทุกครั้ง
เพื่อป้องกันคลอรีนหรือเศษผงเข้าตา
ควรระมัดระวังการละเล่นหรือทำกิจกรรมต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดอันตราย
ต่อดวงตา

เมื่อรู้สึกปวดเมื่อยตา ไม่ควรกดนวดดวงตา หรือกรอกดวงตาไปมา
แต่ควรหลับตาประมาณ 20 -30 นาที
ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้า แว่นตา ยาหยอดตา ร่วมกับผู้อื่น
คุณควรปิดไฟนอน เพื่อเป็นการพักสายตา และยังช่วยประหยัดไฟได้อีกด้วย
ในกรณีที่สารเคมีเข้าตา ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาด แล้วไปพบจักษุแพทย์โดยด่วน
คุณควรไปตรวจวัดสายตาเป็นประจำ อย่างน้อยปีละครั้ง

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

ข้อดีของการดื่มน้ำบรรเทาหวัด

อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก ทำให้หลายคนที่ไม่ค่อยได้ดูแลสุขภาพเป็นพิเศษมักเป็นหวัดได้ง่าย "โรคหวัด" เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้จะเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สบายเนื้อสบายตัว ทำให้มีอาการปวดศรีษะ ตัวร้อน น้ำมูกไหล ไอ จาม มีเสมหะ ถ้าไม่ดูแลรักษาตัวให้ดีอาจก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้

เมื่อเป็นหวัดแนะนำว่าควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเพราะน้ำสามารถช่วยเยียวยาร่างกายให้หายจากหวัดได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุที่ว่า..

1. น้ำช่วยละลายเสมหะไม่ให้เหนียว โดยเฉพาะการดื่มน้ำอุ่น
2. ช่วยลดไข้หากไข้ขึ้นสูง น้ำนี่แหล่ะที่จะช่วยทำให้ร่างกายเย็นลงได้
3. ช่วยให้ร่างกายมีความชุ่มชื้นเพียงพอ ซึ่งส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี
4. ช่วยให้เยื้อบุจมูกที่บุช่องทางเดินหายใจส่วนบนทำหน้าที่ได้ดีขึ้น จึงช่วยลด อาการคัดจมูก
5. ช่วยป้องกันการติดเชื้อ และอักเสบ
6. ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายฟื้นจากอาการไข้ได้เร็วขึ้น

นอกจากนั้น หากอยากดื่มเครื่องดื่มที่มีรสชาติมากขึ้น แนะนำให้ลองดื่มน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น น้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำกีวี น้ำมะเขือเทศ ฯลฯ เพราะวิตามินซีช่วยให้อาการหวัดหายเร็วขึ้น

ส่วนคนที่มีอาการเจ็บคอสามารถบรรเทาอาการโดยใช้เกลือละลายน้ำอุ่นกลั้วคอ 2-3 วันติดต่อกันอาการจะทุเลาลงโดยไม่ต้องใช้ยาค่ะ

7 วิธีที่ช่วยลดโลกร้อน ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ

1. อัพเกรดอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างในเครื่องคอมฯ ของคุณ

เนื่องจากว่าอุปกรณ์ใหม่ๆ ซึ่งนอกจากจะมีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นมาแล้ว ก็มักจะประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณยังใช้หน้าจอแบบเก่าที่เราเรียกว่า จอภาพแบบ CRT แล้วก็ควรจะเปลี่ยนเป็นแบบจอภาพ LCD เป็นต้น

2. หลืกเลี่ยงอุปกรณ์ที่กินไฟมากเกินความจำเป็นวิธี

นี้สำหรับคนที่มีเครื่องคอมฯ ที่ค่อนข้างเก่านิดนึง ซึ่งจะมีอุปกรณ์บางชิ้นที่กินไฟมากกว่าที่ควร เช่น การ์ดจอที่ออกแบบมาสำหรับนักเล่นเกมส์ ก็มักจะมีประสิทธิภาพสูง แต่ในขณะเดียวกันก็จะมากับความร้อนที่เพิ่มขึ้นควบคู่ไปด้วย

3. ลดความสว่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์

วิธีนี้ก็สามารถลดการใช้พลังงานของหน้าจอได้เหมือนกัน แต่ก็อย่าลดมากเกินไป จนทำให้เราต้องใช้สายตาเพ่งมอง มากกว่าปกตินะคะ

4. ปิดอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งานตามปกติ

ตัวอย่างเช่น ลำโพง เครื่องพรินเตอร์ สแกนเนอร์ เป็นต้น ซึ่งถ้าเราไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ ก็ควรจะปิดสวิทช์ของเครื่อง แต่ในขณะเดียวกันเราก็ควรที่จะชักปลั๊กออกด้วย ซึ่งวิธีนี้ทำให้เราประหยัดค่าไฟได้อีกทางนึง

5. ปิดโปรแกรมที่เราไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ

เช่นโปรแกรมที่จะคอยค้นหา สัญญาณต่างๆ เช่น bluetooth, wireless เป็นต้น ซึ่งถ้าเราไม่ได้ใช้พีเจอร์พวกนี้ เราก็ควรจะปิดไว้เป็นการชั่วคราวก่อนก็ดีนะครับ

6. ใช้โหมดประหยัดพลังงาน

ในคอมพิวเตอร์บางเครื่อง จะมีโหมดประหยัดพลังงาน ซึ่งสามารถทำให้เครื่องคอมฯ กินไฟได้น้อยลงเหมือนกัน

7. ปิดเครื่องคอมฯ ไปเลย

เราไม่ได้กวนนะค่ะ แต่ถ้าหากพวกเราไม่ได้ใช้งาน เราก็ควรปิดเครื่่องไปเลยใช่มั๊ยครับ ซึ่งนอกจากจะทำให้เราประหยัดพลังงานแล้ว ยังทำให้เรายืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ของเราได้ด้วยนะคะ

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การทำงานของคอมพิวเตอร์


1.อุปกรณ์ที่เป็นหน่วยความจำสำรองมีอะไรบ้าง
ตอบ
1.จานแม่เหล็ก
2.จานแสง
3.เทปแม่เหล็ก


2.Mainboard ทำหน้าที่อะไร

ตอบ เป็นตัวกลางในเชื่อมต่อและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์

3. การแสดงผลสามารถทำได้กี่แบบและมีไหนบ้าง

ตอบ มี 2 แบบ ได้แก่
1.การแสดงผลทางจอภาพ
2.การแสดงผลทางเครื่องพิ
มพ์

4.หน่วยความจำหลักของคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

ตอบ มี 2 ประเภท ได้แก่
1. RAM คือ
หน่วย ความจำ ที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด และเป็นเสมือนหนึ่ง ตัวแทนของหน่วยความจำ ก็ว่าได้ การทำงานของ RAM นั้น จะเป็นเสมือนมือขวา ของ CPU โดยที่ข้อมูลแทบทั้งหมด จะต้องถูกส่งผ่านมายัง RAM เสียก่อน แล้วจึงค่อยส่งต่อไปให้ CPU อีกต่อหนึ่ง
2. ROM คือ หน่วยความจำถาวร ที่สามารถ เก็บข้อมูลเอาไว้ได้ภายใน แม้ว่าจะไม่มีประจุไฟฟ้า หล่อเลี้ยงอยู่ ( ต่างจาก RAM ที่เก็บข้อมูลได้ชั่วคราว เท่าที่มี ประจุไฟฟ้าอยู่เท่านั้น ) จุดประสงค์ ของ ROM นั่นคือ สำหรับ กักเก็บ ข้อมูลที่สำคัญๆ เอาไว้ อีกทั้ง ข้อมูลเหล่านี้ ยังไม่สามารถ ปรับเปลี่ยนได้ เพื่อป้องกัน ปัญหา การโดนไวรัสเล่นงาน หรือโดนผู้ไม่ประสงค์ดี จู่โจมเอาได้

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สำหรับแม่...น้อยกว่านี้ได้ยังไง

อยากบอกแม่ว่าขอบคุณมากๆที่ให้ลูกคนนี้ได้เกิดมาและเลี้ยงดูจนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่ทำผิดแม่ก็ไม่เคยโกรธ เวลาที่เรามีปัญหาแม่ก็จะคอยให้คำแนะนำ ตอนกลับบ้านก็ทำอาหารไว้รอ คอยถามว่าเราทานข้าวหรือยัง ทานยาหรือยังตอนที่เราไม่สบาย คอยเป็นห่วงเราเสมอ แม่เป็นผู้หญิงที่ฉันรักมาก แต่คำว่า “รัก” คำนี้ มันไม่เคยออกมาจากปากของฉันที่จะบอกว่า “รัก” กับแม่เลย ฉันไม่กล้าพูดคำว่า “รัก” กับแม่ แต่ในใจของฉันนั้นมันอยากบอกว่ารักแม่เหลือเกิน ขอบอกแม่ตรงนี้ว่า "รักแม่ และรักมากกว่าสิ่งใดในโลกนี้" ถึงแม้ว่าลูกคนนี้จะดื้อกับแม่ไปบ้าง ก็ขอให้แม่อภัยให้ลูกด้วย และขอมอบกลอนบทนี้ให้กับแม่


ณ วันนี้ลูกซาบซึ้งพระคุณแม่
บริสุทธิ์แท้ความรักแม่ที่กลั่นได้
หากลูกทำผิดพลาดแม่เสียใจ
โปรดอภัยให้กับลูกที่กระทำ

ลูกสัญญาหากลูกก้าวเป็นผู้ใหญ่
แทนคุณไซร้ให้แม่ไม่ตรากตรำ
เพราะทุกอย่างแม่พร่ำสอนลูกทุกคำ
ลูกจะนำสิ่งแม่สอนประพฤติตน

ท้ายสุดนี้ลูกขอกราบดั่งแทบเท้า
จะคอยเฝ้าดูแลแม่ทุกแห่งหน
ความรักแม่เปรียบเสมือนดั่งสายชล
กว้างเหลือล้นยากแทนคุณดั่งมารดา




วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ขอแนะนำตัวกันก่อน


ชื่อ นางสาววราพร ธรรมคำ ชื่อเล่น แพร อายุ 15 ปี

ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4/3 เลขที่ 8

โรงเรียนอาเวมารีอา

ความรู้สึกที่ได้ทำเว็บไซต์นี้ รู้สึกดีใจที่ได้มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง เพราะแต่ก่อนเข้าไปดูแต่ของคนอื่นและตอนนี้มีของตัวเองแล้ว