WELCOME

ยินดีต้อนรับ สู่ KhunPlaiR







วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

10 ข้อผิดพลาด ในการออกกำลังกาย

ข้อผิดพลาด 10 ประการ ที่มักจะเกิดขึ้นระหว่างการออกกำลังกาย บางข้ออาจส่งผลกระทบเพียงประสิทธิภาพของการออกกำลังกาย แต่ในบางข้อ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บได้ ข้อผิดพลาดดังกล่าว ได้แก่
1. ไม่ยืดกล้ามเนื้อให้เพียงพอ
ยืดกล้ามเนื้อทันทีหลังการออกกำลังกายแบบแอโรบิค การยืดกล้ามเนื้อขณะที่กล้ามเนื้อยังอบอุ่นและยืดหยุ่น จะช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บ
2. ใช้น้ำหนักมากเกินไปขณะยกน้ำหนัก
อย่าพยายามยกน้ำหนักมากเกินกว่าขีดความสามารถของกล้ามเนื้อ การยกน้ำหนักอย่างค่อยเป็นค่อยไปมีประโยชน์และปลอดภัยมากกว่ากับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
3ไม่อบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย
กล้ามเนื้อต้องมีการปรับตัวก่อนออกกำลังกาย จึงควรเริ่มออกกำลังกายช้า ๆ แล้วเพิ่มความหนักเมื่อร่างกายปรับตัวแล้ว
4. ไม่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย

หลังการออกกำลังกายทุกชนิด ใช้เวลา 2 – 3 นาทีในการลดอัตราการเต้นของหัวใจและยืดกล้ามเนื้อ เพื่อเสริมความยืดหยุ่นและเป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการออกกำลังกายอื่น ๆ
5. ออกกำลังกายหนักเกินไป
การออกกำลังกายในระดับปานกลาง โดยใช้เวลาออกกำลังกายนาน มีประสิทธิภาพมากกว่าการออกกำลังกายอย่างหนัก โดยใช้ระยะเวลาเพียง 2 – 3 นาที
6. ดื่มน้ำน้อยเกินไป
อย่ารอจนกระหายน้ำจึงดื่มน้ำ เพราะหมายความว่าขณะนั้นร่างกายเริ่มเข้าสู่ภาวะขาดน้ำ พกกระติกน้ำติดตัวตลอดเวลาที่ออกกำลังกายและตลอดวัน
7. ทิ้งน้ำหนักบนเครื่อง Stairstepper มากเกินไป
การทิ้งน้ำหนักลงบนเครื่อง Stairstepper อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ข้อมือและหลัง ลดความหนักของเครื่องจนถึงระดับที่คุณสามารถรักษาท่าทางได้ดี และสามารถวางมือบนที่พักมือได้โดยไม่ทิ้งน้ำหนัก
8. ออกกำลังกายเบาเกินไป
ควรออกกำลังกายในระดับที่หนักพอให้เหงื่อออก และอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในอัตราที่เหมาะสมกับเป้าหมายของการออกกำลังกาย
9. ใช้แรงสะบัดเพื่อยกน้ำหนัก
ในขณะที่คุณออกแรงสะบัดเพื่อยกน้ำหนัก กล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ จะกระตุกไปด้วย และอาจทำให้กล้ามเนื้อตึง หรือบาดเจ็บได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อหลังเป็นส่วนที่เปราะบางมาก ควบคุมน้ำหนักที่ยก อย่าให้น้ำหนักควบคุมคุณ!
10. ทาน Energy bar หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ เมื่อออกกำลังกายในระดับปานกลาง
หากคุณไม่ได้ออกกำลังกายนานกว่า 2 ชั่วโมสูง)ง ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทานอาหารเสริมหรือเครื่องดื่มพลังงานสูง (พลังงานสูงเป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของแคลอรี่

ทำอย่างไรให้หาย..เมื่อเป็นตะคริว


ตะคริวเป็นอาการหดตัวของกร้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว มักเกิดที่น่องและต้นขา เมื่อคลำที่กล้ามเนื้อบริเวณที่บวดจะรู้สึกเป็นก้อนแข็งแต่จะบรรเทาปวดลงเมื่อเหยียดขาและนวดเบา ๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว หรือทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นดีขึ้น

ตะคริวเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น คุณอาจออกกำลังกายมากเกินไป โดยที่กล้ามเนื้อไม่เคยได้รับการฝึกฝนมาก่อนหรือเกิดจากการไหลเวียนของหลอดเลือดไม่สะดวก เนื่องจากท่านั่งหรือยืนที่ทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่สะดวก หรือในผู้สูงอายุที่มีภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว

นอกจากนี้ยามอาการเย็นก็อาจทำให้เป็นตะคริวได้ และในรายที่ขาดแคลเซียมต่ำในเลือดหรือร่างกายที่มีการสูญเสียเกลือแร่ในร่างกายอย่างมากในขณะท้องเสีย อาเจียน หรือเหงื่อออกมาก ๆ

เมื่อคุณเป็นตะคริว คุณจะรู้สึกเจ็บปวดบริเวณกล้ามเนื้ออย่างมาก การปฐมพยาบาลจะช่วยบรรเทาลงได้

ถ้าเป็นตะคริวที่น่อง ..ให้เหยียดขาข้างที่เป็นตะคริวให้ตรง ใช้มือข้าวหนึ่งยกประคองส้นเท้าและใช้มืออีกข้างค่อย ๆ ดันปลายเท้าขึ้นลงให้เต็มที่อย่างช้า ๆ ประมาณ 5 นาที แล้วนวดเบา ๆ ที่น่อง หรืออาจทาครีมหรือน้ำมันเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในบริเวณนั้นไม่ควรนวดแรง ๆ เนื่องจากอาจทำให้กล้ามเนื้อเจ็บได้และอาจเป็นตะคริวซ้ำได้อีก


ถ้าเป็นตะคริวที่ต้นขา.. ให้เหยียดขาข้างที่เป็นตะคริวให้ตรง ใช้มือข้างหนึ่งยกประคองส้นเท้า อีกข้างหนึ่งกดลงบนหัวเข่าจากนั้นค่อย ๆ นวดบริเวณที่เป็นตะคริวเบา ๆ

ถ้าเป็นตะคริวที่นิ้วเท้า.. ให้เหยียดนิ้วเท้าให้ตรง และลุกขึ้นยืนเข่ยงเท้า จากนั้นค่อย ๆ นวดบริเวณนิ้วเท้าเบา ๆ

ถ้าเป็นตะคริวที่นิ้วมือ.. ให้เหยียดนิ้วมือออกและค่อย ๆ นวด บริเวณนิ้วมือเบา ๆ สำหรับคนที่เป็นตะคริวบ่อย ๆ ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เวลานอนให้ยกขาสูง โดยใช้หมอนรองขา แต่ถ้าเป็น ๆ หาย ๆ บ่อยครั้งควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุแห่งการผิดปกติในระบบไหลเวียนของเลือด

แปลกแต่จริง...ลดกินเนื้อวัวช่วยลดภาวะโลกร้อนได้


วารสารการแพทย์"แลนเซ็ต"ของอังกฤษรายงานผลการศึกษาหนึ่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ระบุว่า การบริโภคเนื้อวัวลดลงจะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ เพราะการลดจำนวนวัวจะช่วยลดปริมาณก๊าซมีเธนที่มันปล่อยออกมา ซึ่งก๊าซนี้อยู่ในกลุ่มก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อน

รายงานชิ้นนี้ซึ่งจัดทำโดยคณะวิจัยนำโดยนายแอนโธนี แมคไมเคิล ศาสตราจารย์ของศูนย์ระบาดวิทยาและสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ระบุว่า หากทั่วโลกลดการรับประทานเนื้อวัวเฉลี่ยวันละ 100 กรัมต่อคนต่อวัน ซึ่งในประเทศร่ำรวยอาจลดมากกว่าถึง 200-250 กรัม และประเทศยากจน ลดลง 20-25 กรัมจะช่วยให้โลกลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 90 กรัมต่อวันภายในปี 2593 และหากประชากรในชาติร่ำรวยจำกัดการรับประทานแฮมเบอร์เกอร์เหลือเพียง 1 ชิ้นต่อวันต่อคนจะช่วยลดการบริโภคเนื้อวัวทั่วโลกได้ถึง 10% ในปี 2593

ผลการศึกษายังพบว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 22% จากทั้งหมดทั่วโลกมาจากเกษตรกรรม ซึ่งเท่ากับจำนวนก๊าซที่ปล่อยจากอุตสาหกรรม แต่มากกว่าก๊าซที่ปล่อยจากการคมนาคม และการผลิตในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งส่วนใหญ่คือก๊าซมีเธน คิดเป็นเกือบ 80% ของภาคการเกษตรทั้งหมด

เมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งมีรายงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียที่เชื่อว่าฝูงปศุสัตว์ในออสเตรเลีย เป็นปัจจัยสำคัญที่ปล่อยก๊าซมีเธนขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ตอนที่มันเรอออกมา และผลผลิตเนื้อ 1 กิโลกรัม อาจจะมาพร้อมกับก๊าซมีเธน 1 กิโลกรัมที่วัวปล่อยออกมา
สาเหตุที่ทำให้วัวปล่อยก๊าซมีเธนออกมา เป็นเพราะสภาพอากาศแห้งแล้งทำให้อาหารของวัวไม่มีคุณภาพ อาหารหลายส่วนจึงไม่ถูกย่อยในท้องอย่างที่ควรจะเป็น และแบคทีเรียในลำไล้ก็จะย่อยเศษอาหารเหล่านั้นแทนก่อให้เกิดก๊าซมีเธน

วิธีล้างองุ่นให้ปลอดภัย

วิธีล้างองุ่นให้ปลอดภัย
เชื่อว่าเราๆ ท่านๆ คงเคยทานองุ่น ปกติมักจะมีคราบ เหมือนยาง เป็นฝ้าขาวๆ ที่ ผลองุ่น ล้างยังไงก็ไม่ออก ใช่มั้ยคะ บางครั้งก็ถือว่านานๆ ทานที ก็เลยตามเลย ซึ่งก็ไม่ ค่อยมั่นใจเรื่องความปลอดภัยเท่าไหร่นัก เพราะไม่รู้ว่าไอ้คราบๆ ที่ติดผลองุ่นอยู่มันคือ สารอะไรตกค้างรึเปล่า...เท้าความซะยืดยาว แค่จะบอกว่าตอนนี้รู้วิธีล้างองุ่นให้ สะอาด มั่นใจ ที่จะรับประทานแล้วล่ะ
1. เด็ดผลองุ่นออกจากพวงเพื่อจะได้ง่ายในการล้าง
2. ใส่ภาชนะ
3. บีบยาสีฟัน (อะไรก็ได้) พอสมควร แล้วขยี้ให้ทั่วมือ
4. ใส่น้ำพอสมควร แล้วลงมือล้าง
5. ล้างด้วยน้ำเปล่าแล้วสะเด็ดน้ำ

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

10 กิจกรรมที่ทำให้ชีวิตยืนยาว


เรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน ที่ใครหลายๆ คน อาจคิดไม่ถึง หรือไม่ให้ความสำคัญกับมัน แต่จริง ๆ แล้ว กิจกรรมเหล่านี้กลับทำให้ชีวิตของเรายืนยาวขึ้น
จะมีอะไรบ้าง ลองไปติดตามกันเลยค่ะ

1. รับประทานอาหารเช้าทุกวัน
เพราะอาหารมื้อนี้แหล่ะ ที่ช่วยให้เรามีพลังงานสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน

2. นอนหลับให้สนิท
อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรงขึ้น เซลล์ร่างกายสร้างตัวได้ดี สมองสดใส และหน้าตาสดใสอีกด้วย

3. ออกกำลังกายเป็นประจำ
อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20 นาที จะทำให้หัวใจทำงานได้ดี เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ และลดอาการกระดูกพรุนเมื่อเข้าสู่วัยทองได้อีกด้วย

4. หัวเราะ
เพราะเมื่อเราหัวเราะ ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุข หรือ เอนโดรฟินออกมา ทำให้ลดความเครียดและหน้าตาสดใสอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

5. ทานน้ำมันตับปลา
หรืออาจทานปลาที่มีไขมันสัก 3 มื้อต่อสัปดาห์ อย่างเช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน เพราะในน้ำมันตับปลาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ช่วยลดโคเรสเตอรอล ทำให้เราไม่อ้วนได้อีกด้วย

6. ทำสมาธิ
จะช่วยลดความเครียด ลดความดันเลือด และยังช่วยให้ออกซิเจนเข้าปอดได้อย่าง
เต็มที่ ในเวลาที่เรากำหนดลมหายใจ

7. แปรงฟันและขัดฟันทุกวัน
จะช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก ทำให้สุขภาพดีขึ้น แถมบุคลิกดีขึ้นอีกต่างหาก

8. ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
อย่างเช่น ผัก ผลไม้ ต่าง ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ด้วย

9.ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันละ 1 แก้ว
อย่างเช่น ไวน์แดง หรือไวน์ผลไม้ เพื่อกระตุ้นหัวใจให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้น (แต่อย่าดื่มมากไปนะ เพราะจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพมากกว่า)

10. ดื่มชา
จะช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร และลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ด้วย